HOME
CONCEPT & DESIGN
PLAN TYPE
NEWS
GALLERY
CONTACT
NEWS & ARTICLES
บทความและข่าวสาร
เทรนด์เทคโนโลยีกับอสังหาฯ 2018
1. พูดคุยกับเจ้าของโดยตรง ผู้ซื้อชอบที่จะหาอสังหาฯด้วยตัวเอง เนื่องด้วยเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่นายหน้าก็ยังไม่หมดความสำคัญไปซะทีเดียว โดยเฉพาะนายหน้าที่เป็นมือโปร ยังคงแข่งขันอยู่ในตลาดได้จริง ในอนาคตอาชีพนายหน้าจะไม่ใช่เวทีของมือสมัครเล่น ที่คิดว่าจะได้เงินง่าย ได้เงินไว แต่ต้องเป็นผู้ที่มี service minded และมีความน่าเชื่อถือสูง พูดคำไหนคำนั้นและเป็นผู้ที่แก้ปัญหาได้ดีจริงครับ 2.ง่ายและสะดวก ปัจจุบันบริการทางการเงินของธนาคารพากันตบเท้าเข้าสู่โลกออนไลน์ ใช้เทคโนโลยีทำงานแทนคน ประกอบกับผู้บริโภคยุคใหม่ก็ต้องการความสะดวกสบายขั้นสูงสุด ต้องการบริการ one stop service และสามารถขอสินเชื่อผ่านระบบออนไลน์ และมีช่องทางที่จะพูดคุยกับพนักงานได้ทันทีทันใด 3.หาอสังหาฯได้เองทางโทรศัพท์ ลูกค้าส่วนใหญ่ในยุคนี้รู้จักโครงการผ่าน Social networks รู้จักเว็บไซต์ข่าวสารต่างๆ และออนไลน์ก็เป็นช่องทางที่วัดผลได้ ติดตามได้ ที่สำคัญมันก็ง่ายสำหรับผู้บริโภคอีกด้วยครับ แค่เปิดโทรศัพท์มือถือ เข้าเว็บ ค้นหา อ่าน ดูรูป ดูคลิป บางทีก็เชื่อมโยงบัตรเครดิตจองคอนโดที่อยากได้ผ่านระบบทันที 4.ระยะทางไม่เป็นอุปสรรค นับจากวันนี้เป็นต้นไป Location ติดถนนใหญ่อาจไม่ใช่สิ่งที่คนยุคนี้ต้องการอีกต่อไป อยู่ตรงไหนก็เหมือนๆ กัน เพราะอินเทอร์เน็ตและ social network ถ้าสินค้าบริการดีจริงและคนบอกต่อในโลกออนไลน์ ไม่ต้องอยู่ติดถนนเส้นหลักก็มีคนตามไปซื้อ ไปขอเช่าถึงที่ได้ด้วยข้อมูลในอินเทอร์เน็ตครับ เทคโนโลยีใหม่ๆ ก็มักจะสร้างพฤติกรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในตลาดได้เสมอครับ เราจะต้องรู้จักลูกค้าในบริบทใหม่ที่เปลี่ยนแปลงทุกปีนะครับ #ต้อมฆ์โกดังเก็บเงินล้าน https://www.facebook.com/CoachTomm Line@ : @connection1 คลิ๊ก https://line.me/R/ti/p/%40connection1
09/11/2018-07:32:59am
ลงทุนอสังหาฯให้ถูกที่ กินกำไรตลอดกาล
เปลี่ยนความเสี่ยง เป็นความสำเร็จ ด้วย 5 วิธีคิด 1. หา Passion (ความหลงใหล) ของเราและตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน หลงใหลในสิ่งที่ตัวเองมี อะไรก็ตามที่ทำด้วยความชอบ แรงกายและแรงใจมันจะออกมาเองครับทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อย ท้อแต่ไม่ถอยเปรียบเสมือนพลังที่หล่อเลี้ยงจิตใจจนไปสู่เป้าหมาย Keyword ของมันอยู่ที่คำว่า "เรื่อยๆ" ต้องทำแบบเรื่อยๆ ทำได้ไม่เบื่อ ทำไปแบบที่เจออุปสรรคก็แก้ไปโดยมี "เป้าหมายปลายทางที่ชัดเจน" ว่าเราอยากเป็นอะไร ตลอดสายงานการตลาดของผม ผมฝันที่จะเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าของผมเอง แบรนด์ที่มั่นคงและผมสามารถขายสินค้าได้ดีตลอดและไม่นานมานี้ผมก็เริ่มทำสินค้าแบรนด์ใหม่ เช่น ปุ๋ย และอาหารสุนัข และแน่นอนครับ!!! อีกเป้าหมายสำหรับผมแล้วคือ การสร้าง Passive Income จากการเก็บที่ดิน หรือทรัพย์สิน ผมอยากสร้างนิคมอุตสาหกรรมด้วยครับ สักวันหนึ่งฝันของผมก็อาจเป็นจริงหากผมตั้งใจไม่หยุดยั้งความคิดตัวเอง 2. มีความรู้ (Knowledge) และกรอบความคิด (Mindset) ที่ชัดเจน ต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ ทำอย่างไรจะถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้โดยตัวผมเองจะลองผิดลองถูกอยู่เสมอและไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ผมใช้วิธีลงมือทำและเรียนรู้กันไป เพราะว่าความรู้ที่แท้จริงอยุ่ในภาคสนามหรือภาคปฏิบัติ ต่อให้ตำราไหนว่าแน่ แต่การลงมือทำแล้วแก้ปัญหาไปกับมันทำให้เราได้ประสบการณ์จริงกว่า เพราะแต่ละบทเรียน แต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน โดยผมจะนำประสบการณ์โดยรวมของผมที่ผ่านมาจากที่เคยดูแลปั๊มน้ำมันและงานขายสินค้ากับร้านค้าทั่วประเทศไทยมาพิจารณาในการหาที่ดินดีๆ ในแต่ละทำเล รวมถึงมีความรู้เรื่องการขายสินค้า รู้ว่าลูกค้ามีความต้องการอะไร เลยนำมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนอสังหาฯ "เพราะงานอสังหาฯมาจากทำเลและทำเลก็คงไม่มีอะไรไปการมองทำเลให้ขาด" ส่วนกรอบความคิด หรือ Mindset นั้น เป็นส่วนหนึ่งที่จะแยกคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตออกจากคนที่ยังไม่รู้แม้แต่ความฝันของตัวเองว่าคืออะไร "Mindset สำหรับคนที่จะทำโกดังให้เช่าคุณต้องเชื่อว่าท้ายสุดแล้วการเก็บที่ดินเป็นทรัพย์สินที่สร้างมูลค่ามากที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี มูลค่ายิ่งทวีสูงขึ้น อีกทั้งยังสร้างกระแสเงินสดเข้ากระเป๋าทุกเดือน" ขั้นตอนง่ายๆ ในการเปลี่ยน Mindset ของเราคือ 1.) หยุดเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่น แต่หาข้อดูหรือจุดแข็งของเราและคนอื่นมาสร้างใหม่ให้ดียิ่งๆขึ้นไป 2.) หาหลักฐานที่จะนำมาเสริมจุดยืนหรือความคิดเรา เพราะเมื่ออุปสรรคเข้ามาหาคุณจะล้มเลิก ซึ่งการมีหลักฐานมากพอเท่านั้นที่จะทำให้คุณไม่เลิกคิดทำเป้าหมายคุณให้สำเร็จ 3.) ไม่มีคำว่า "ผิดพลาด" แต่จงจำว่าผิดเป็นครู หรือเป็นบทเรียนใหม่ของเรา ดังนั้นเราจึงจะกล้าก้าวข้ามจาก Comfort Zone ของเราได้อย่ากลัวที่จะก้าวผิดพลาด แต่จงมองว่าเรากล้าทำในสิ่งใหม่และสำเร็จได้แน่นอน 4.) ไม่มีใครสมบูรณ์ เราเองก็ไม่สมบูรณ์ (Not Perfect) ดังนั้นจงอย่าไปสนใจความคิดของคนอื่นๆ ที่จะคอยหยุดยั้งความกล้าทำให้สิ่งใหม่ๆเพื่อตัวเราเอง จงพยายามหาข้อคิดดีๆ เพื่อนให้กำลังใจ เราอยู่เสมอ 3. จิตต้องแกร่ง (สะสมพลังจิตตน) ต้องฝึกจิตให้มีพลัง ไม่ไหวเอนต่อปัญหา อุปสรรคหรือคำคนเพื่อนมั่นตัวเองว่าทำได้ และพลังตรงนี้ล่ะครับจะผลักดันให้เราไปพบกับความสำเร็จ ส่วนตัวผมเองนอกจากการทำงานประจำแล้ว ผมมักจะหางานเสริมเพื่อได้เรียนรู้ และเมื่อมีโอกาสผมจะไปเรียนธรรมะและปฏิบัติธรรม ทำบุญตามโอกาสที่สำคัญไม่ให้ขาด การสวดมนต์ไหว้พระและกิจกรรมทางศาสนาเป็นหนึ่งในวิธีเสริมจิตของคนเราให้แข็งแรง เมื่อไรที่เรามีจิตแกร่งและแน่วแน่ เราจะไม่กลัวแพ้ภัยหรือไม่กลัวผิดพลาด แต่เราจะมีสติในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้มากกว่าคนทั่วๆไป โดยเแพาะการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นั้น เราใช้ทุนสูงมากๆหากตัดสินใจผิดพลาดย่อมเครียด เช่น จากการที่เงินจมหรือเสียดอกเบี้ยเป็นต้น ดังนั้นจะต้องทำใจได้หากเราพลาดพลั้งและต้องมีทางหนีทีไล่เสมอ หลายครั้งที่ผมต้องอดทนรอการเข้าซื้อหรือขายอสังหาฯ ไม่ว่าจะที่ดินเปล่าหรืออสังหาฯ อื่นๆ ก็ตาม 4. สะสมคอนเน็คชั่น (Connection) รู้จักการจัดการการใช้คน จุดนี้สำคัญเช่นกัน เราต้องรู้จักบริหารความสัมพันธ์ เอาใจเขามาใส่ใจเราพลังของทีมงานนี้ล่ะครับจะผลักดันให้เราเข้าใกล้ฝั่งฝันได้เร็วขึ้น เราไม่สามารถเก่งคนเดียวได้ ทำคนเดียวได้ แต่เราสามารถเลือกคนเก่งๆ มาร่วมงานกับเราได้ อย่างไรก็ตาม อย่างใช้ Connection เพื่อหาประโยชน์ให้กับตัวเองฝ่ายเดียว เพราะหากยิ่งใช้จะยิ่งหมดไป พึ่งพาอาศัยกันเสมือนเพื่อนจริงใจต่อกัน เมื่อมีเป้าหมายเดียวกัน อะไรมันก็ง่ายครับ ผมว่าหากได้ใจกันทำอะไรมันก็ดี ส่วนตัวผมเองผมสะสมคอนเน็คชั่นไว้ตลอดเวลา ผมจะหมั่นทำกิจกรรมเพื่อสังคมสม่ำเสมอ เช่น เป็นสมาชิกโรตารีคลับ เพราะนอกจากจะทำให้เรามีคนดีๆ อยู่รอบตัวแล้ว ยังทำให้เราฝึกจิตใจให้มั่นคงอีกด้วย 5. สร้างแบรนด์ (Brand) การสร้างแบรนด์ที่สำเร็จได้ทุกวันนี้ต้องอาศัยเงินทุนและเวลาและหากเงินทุนเราไม่หนายิ่งต้องวางแผนให้เป็นและมีกลยุทธ์ที่ดี ในช่วงที่ผมศึกษาปริญญาเอกเมื่อหลายปีก่อน ผมได้ทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์ของโกดังโรงงาน ทำวิจัยและการศึกษามากมายเพื่อให้รู็ว่าการสร้างแบรนด์สำเร็จในระยะเวลาสั้นๆ ได้อย่างไร เราสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเราขึ้นมาให้เป็นที่จดจำ ศึกษาทั้งตัวเอง ศึกษาทั้งคู่แข่ง ตรงไหนบ้างคือเสน่ห์ดึงมันออกมาและหาให้เจอใครสามารถต่อยอดได้จนกลายเป็นสาวกของแบรนด์ หรือหา Target ถ้าทำให้แบรนด์เข้าไปนั่งอยุ๋ในใจกลุ่มเป้าหมายได้ จนเกิดความศรัทธาจดจำแบรนด์ ธุรกิจโตได้ไม่ยากเลยครับ ยิ่งการมีคู่แข่งที่มีสรรพกำลังเงินแบะทุนมากกว่าเรามากๆเรายิ่งต้องเริ่มสร้างแบรนด์ครับ เพราะต้นทุนในการสร้างในวันนี้จะส่งผลพลังทวีให้กับสินค้าและชื่อเสียงของเราในอนาคต ผมเชื่อว่าการสร้างแบรนด์ถือเป็นผลดีต่อการสร้างการรับรู้ของกลุ่มเป้าหมายง่ายขึ้น และนี่คือ 5 ข้อหลักที่ผมยึดมั่นถือมั่นตลอดเพื่อให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำ จนปัจจุบันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปมาก เมื่อผมก้าวมาอยุ๋ในวงการอสังหาริมทรัพย์ สามารถสร้าง Passive Income ได้จากอสังหาฯ โดยเฉพาะการทำโกดังให้เช่า จนเป็นที่มาของชื่อหนังสือ "ลงทุนอสังหาฯ ให้ถูกที่ กินกำไรตลอดกาล" ...ที่ผมต้องการถ่ายทอดในหนังสือเล่มนี้ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจก้าวเข้าสู่วงการอสังหาฯ และ "โกดัง" เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนอสังหาฯ ซึ่งสามารถทำกำไรได้ สร้างรายได้ได้จริง...
16/08/2018-09:31:09am
ขายด้วยแบรนด์ สื่อสารด้วยคอนเทนท์
ขายด้วยแบรนด์ สื่อสารด้วยคอนเทนท์ . เราอยู่ในยุคแห่ง Startup ใครๆ ก็เป็นเจ้าของธุรกิจ และดูเหมือนว่า “การสร้างแบรนด์” จะกลายเป็นคำเท่ๆ ที่คุ้นหูใช่ไหมครับ ... นอกจากความหมายที่แปลว่า ยี่ห้อหรือเครื่องหมายการค้า แท้จริงแล้วคำจำกัดความของ “แบรนด์” คืออะไรกันแน่ ... ถ้าคุณลอง search ใน Google จะพบทั้งนิยามและคอนเทนท์เกี่ยวกับแบรนด์มากมายเหลือเกิน พอจะสรุปได้ว่า “การรับรู้ที่ลูกค้าได้รับจากธุรกิจของคุณซึ่งสามารถนำไปสู่การตัดสินใจได้” ... ยกตัวอย่างง่ายๆ หากคุณต้องการซื้อโทรศัพท์สักเครื่อง แล้วไปสะดุดใจกับยี่ห้อผลไม้ เพราะขายความล้ำสมัย การดูแลหลังการขาย ให้ความรู้สึกดีตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ทุกเหตุผล ทุกการรับรู้นี่ล่ะครับ ที่รวมๆ กันแล้วเขาเรียกว่า “แบรนด์” ... ดูอย่างแบรนด์โกดังที่มีชื่อเสียงในตลาด เช่น WHA หรือ TICON เขาสร้างแรงจูงใจในตัวโกดังสินค้าได้รวดเร็วและขึ้นชื่อจดจำได้ง่าย ยิ่งถ้าบริการดี ๆ ตอบสนองลูกค้ากลุ่มเป้าหมายก็ยิ่งจะสร้างความเชื่อมั่นได้เพิ่มขึ้นไปอีก ที่สำคัญคือเขาไม่ต้องตัดราคาค่าเช่าหรือราคาขาย เนื่องจากมีคุณภาพสินค้าหรือการรับประกันที่ดีพร้อม ... การสร้างแบรนด์จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญรองจากตัวสินค้าเลยนะครับ ถ้าแบรนด์ไม่แข็งแรงตั้งแต่แรกถึงสินค้าดีเลิศก็อาจต้องคิดหนัก ดังนั้น ลงทุนโกดังทั้งทีก็อย่าลืมสร้างตราสินค้า (Brand) ควบคู่ไปด้วยนะครับ เพื่อให้ตราตรึงใจลูกค้า คราวนี้จะปล่อยเช่า หรือขาย ทำอะไรก็ง่ายดายไปหมด . สร้างแบรนด์โกดังด้วย 5 Mindset . 1. ลูกค้าของเราคือใคร โฟกัสลูกค้าให้ชัดเจน ลูกค้าเป็นใคร รายเล็กหรือรายย่อย สินค้าส่วนใหญ่ที่ลูกค้าผลิตคืออะไร เพื่อที่จะได้จัดวางโครงสร้างโกดังได้เหมาะสม . 2. สร้าง Brand DNA วางแผนภาพลักษณ์ของแบรนด์ แบรนด์โกดังที่เราจะทำ จัดทำเพื่อขาย ปล่อยเช่า หรือเพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องคลังสินค้า . 3. ศึกษาคู่แข่ง ค้นหาข้อมูลคู่แข่งได้ไม่ยากครับ เพียง search keword “โกดังสินค้า” ใน Google คู่แข่งจะเรียงหน้ายิงโฆษณาขึ้นมาเพียบ ลองคลิกเข้าไปดูเลยครับ ว่าแต่ละแบรนด์มีจุดอ่อนจุดแข็งแตกต่างจากเราอย่างไร . 4. ทำสัญลักษณ์ให้โดนใจตลาด สัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนของลักษณะสินค้า ทั้งโลโก้ สถานที่ พนักงาน การบริการ ต้องสร้างภาพจำ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายเห็นแล้วเกิดความรู้สึก ยิ่งถ้ามีสโลแกนก็จะทำให้กลุ่มเป้าหมายจดจำแบรนด์ของเราได้ง่ายขึ้นครับ . 5. สร้างแพลตฟอร์มที่ใช้ทำการตลาดออนไลน์ การอยู่ในยุคแห่ง Startup ที่ว่า การสร้างแบรนด์ก็จำเป็นต้องออนไลน์ผ่านดิจิทัลแพลตฟอร์มครับ มีช่องทางหรือเครื่องมือมากมายที่ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ จะเลือกใช้แพลตฟอร์มใด สื่อสารด้วยคอนเทนท์แบบไหนก็เลือกดูตามกลุ่มเป้าหมายเลยครับ ... อย่าลืมว่ามีแบรนด์เกิดใหม่ทุกวัน การสร้างแบรนด์ให้ติดลมบนว่ายุ่งยากแล้ว เหนือกว่านั้นคือการพัฒนาและรักษามาตรฐาน อันจะนำมาสู่ความน่าเชื่อถือที่ยั่งยืนครับ .
08/06/2018-04:13:54pm
เชิญมาแวะชมดูโครงการของเราครับ
... เชิญมาแวะชมดูโครงการของเราครับ ....โครงการFactory Yard ทำเลทองตรงถนนบางนาตราด .....ที่บรรจงสร้างสรรค์ ... ตอบโจทย์ลูกค้าได้ครบ ... เพราะสวย สร้างได้มาตราฐาน และอยู่บนพื้นที่สีม่วงครับ #แฟคตอรี่ยาร์ท #FactoryYard #โกดังเก็บเงินล้าน https://www.youtube.com/watch?v=H7x-ru76sdI
08/06/2018-04:01:51pm
ต่อให้เศรษฐกิจไม่ดี อสังหาฯ ก็ไม่มีวันตาย
วันนี้ผมว่าทุกคนคงเจอกับปัญหาเศรษฐกิจทำพิษกันอยู่ ไม่ว่าจะธุรกิจไหนๆ บางธุรกิจยิ่งลงทุนยิ่งแย่ แต่ที่ผมจะบอกคือคุณคิดไหมว่าอสังหาฯ ไม่ได้เป็นเช่นนั้น คุณอาจต้องลงทุนลงแรงกับมันในช่วงแรก แต่พอทุกอย่างเข้าที่ผมเชื่อว่าคุณมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนสูง ยิ่งเวลานานเท่าไร อสังหาฯ ก็จะยิ่งจะมีมูลค่าเพิ่มและยังสามารถดำเนินไปได้เรื่อย และมีผลตอบแทนในตัวของมันอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าอสังหาฯ ไม่ตายแน่นอน ต่อให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจเดี๋ยวก็มีการปรับตัวขึ้นมาใหม่ สำหรับประเทศไทยผมเชื่อว่าจะลงไม่มาก เนื่องจากยังมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายโครงการ ประเทศไทยยังไม่ค่อยมีการพูดถึง ผมยกตัวอย่าง เช่น รถไฟฟ้าที่ไปเกิดแถวปริมณฑลนั้น ไม่แน่ใจว่าจะเป็นก่อสร้างคอนโดมิเนียมหรือไม่ เพราะรถไฟฟ้าสายที่ไปปริมณฑล ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเป็ คอนโดมิเนียม แต่ควรจะเป็นบ้านเดี่ยวแนวราบ หรือทาวน์เฮาส์เป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นพื้นที่ไกลจากเมือง อีกทั้งปัจจุบันบ้านเดี่ยว หรือทาวน์เฮาส์ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้านั้นจะขายง่ายมาก เพราะได้ทำเล ซึ่งหลังจากนี้คนที่ทำคอนโดมิเนียมก็ควรที่จะคิดแล้วว่า ในอนาคตแนวโน้มของคอนโดมิเนียมที่โตได้ดีกับเมืองใหญ่ยังจะโตได้ดีเหมือนเมื่อก่อนหรือเปล่า? เพราะเวลานี้คอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ก็ไปตามทุกสถานีแล้ว แต่ทั้งนี้คอนโดฯ ต่างจังหวัดไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะเปิดขึ้นมาก็เต็มจังหวัดแล้ว ในเมื่อคอนโดฯ เป็นแบบนี้จึงต้องปรับตัวมาเป็นบ้านแนวราบมากขึ้นหรือไม่ก็เป็นพวกแนวรถไฟฟ้าในอนาคต เพราะจะสร้างความต้องการสินค้ามากขึ้นในต่างจังหวัด ตอนนี้คนก็หนีเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ หมด ต่อไปในอนาคตก็จะวิ่งหาปริมณฑลมากขึ้น เศรษฐกิจสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นหากปีนี้ หรือปีหน้าเศรษฐกิจยังโตได้ 3% และหากปีหน้าโครงการรถไฟฟ้ามาอีก จากโครงการประมูลในแต่ละปีซึ่งมีจำนวนมากที่ยังสร้างไม่ทัน จึงเกิดเป็นแนวโน้มที่สามารถบอกได้ว่าในปีถัดไปจะมีตรงนี้ช่วยหนุนเศรษฐกิจ โดยที่ไม่ต้องหวังจากการส่งออก เพียงแค่ตรงนี้เศรษฐกิจก็โตได้แล้ว ผมเชื่อว่าหากมองในระยะยาวจริงๆ อสังหาฯ เป็นปัจจัย 4 ซึ่งเป็นเพียงแค่การกระตุ้นเศรษฐกิจและราคาระยะสั้น แล้วก็ลงมา แต่สิ่งที่ผมคิดว่ารอบของการลงทุน 1-2 ปีข้างหน้า ถ้าไม่นับรวมมาตรการอสังหาฯ ถือว่ายังอยู่ในช่วงขาขึ้นอยู่ โดย 1-2 ปีนี้สามารถขึ้นได้อยู่แล้วสิ่งที่ผมจะบอกคุณคือ ข้อดีของกลุ่มอสังหาฯ คือราคาของบ้านเรายังไม่ตกนั่นเองครับ แต่ไม่ว่ายังไงเราก็จะประมาทไม่ได้ ไม่ใช่คิดว่าทำอสังหาฯ แล้วจะรอดทุกคนนะครับ เพราะฉะนั้นคุณต้องดูธุรกิจของคุณให้ดีว่ามันเหมาะสมหรือไม่ ครั้งนี้เป็นการวิเคราห์แบบทำนายล่วงหน้าแต่มั่นใจได้ว่าใครที่ธุรกิจอสังหาฯ เข้าทางมาระดับหนึ่งแล้วก็ยังพอที่จะพัฒนาต่อไปได้ ทุกอย่างที่บอกต้องนำไปปรับกับอสังหาฯ ของคุณ ดังนั้นควรเลือกทำตามความเหมาะสมกันนะครับ
08/06/2018-03:51:20pm